Learning Object
: สื่อการเรียนรู้ดิจิทัล
ปัจจุบันในสถาบันการศึกษาได้มีการส่งเสริมให้มีการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ในห้องเรียนมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการให้นักเรียนค้นคว้าข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต
หรือเรียนรู้จากวีดิทัศน์และซีดีรอม
สื่ออิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้เป็นอีกมิติหนึ่งในการสร้างองค์ความรู้
ช่วยเปิดโลกทัศน์ให้นักเรียนได้สังเกตและเรียนรู้จากสถานการณ์หลากหลาย
มีรูปแบบการนำเสนอที่แปลกใหม่ และมักออกแบบมาเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพในการเรียนรู้ของผู้เรียน
หลังจากที่ได้ใช้ประโยชน์จากสื่อเหล่านี้มาแล้ว
หากครูผู้สอนคิดอยากเปลี่ยนบทบาทจากผู้ใช้ มาเป็นผู้สร้างสื่ออิเล็กทรอนิกส์
จะมีแนวทางอย่างไร
ในการเริ่มต้นสร้างสื่ออิเล็กทรอนิกส์ด้วยตนเอง ถ้าจะสร้างบทเรียนทั้งบทเรียนอาจซับซ้อน
เกินไป และใช้เวลาค่อนข้างมาก การสร้างสื่อการสอนย่อย ๆ ที่เรียกว่า Learning Object
เป็นจุดเริ่มต้นที่ไม่น่าจะเกินกำลัง แต่ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ Learning
Object กันก่อน
Learning Object คือ
สื่อการเรียนรู้ดิจิตอล ที่ออกแบบเพื่อให้ผู้เรียนบรรลุผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
อย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ โดยแต่ละเรื่อง จะนำเสนอแนวคิดหลักย่อย ๆ
ผู้สอนสามารถเลือกใช้ Learning Object ผสมผสานกับการจัดการเรียนการสอนแบบอื่น
ๆ ได้อย่างหลากหลาย และสามารถนำมาใช้ใหม่ (ใช้ซ้ำ) ได้
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhYgiayniMJm3K0T4zNd34XnRI5pprPv3bfOX_mUIZiFgoox9vwRyutjS-9TXofR28cwCos5EX8n2Hguq7eSKePkmizKIHkeK13zByGoqyseUhV6UkZBEzlSEA2whTByhgpXz_NJZSNjw0/s400/1.png)
ในยุคที่ทุกสิ่งเข้าสู่โลกของดิจิทัล (Digital) ทั้งเรื่องของแนวโน้มการตลาด สื่อสังคมออนไลน์ เว็บไซต์
แอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนหรือธุรกิจ ไปจนถึงภาครัฐฯ
สำหรับส่วนของการศึกษาเองก็มีการตื่นตัวในการนำเทคโนโลยีและสารสนเทศที่มากมายมาประยุกต์ใช้กับผู้เรียน
เช่น นักเรียน นิสิต หรือนักศึกษาเช่นกัน
ผู้เรียนในศตวรรษที่
21
เพราะในตอนนี้ผู้เรียน หรือนักเรียน
นักศึกษา มีแนวโน้มที่เปลี่ยนไป เช่นกันกับผู้บริโภคในภาคการค้าและธุรกิจ
เพียงแค่เปลี่ยนจากการซื้อ-ขาย หรือการทำโฆษณาออนไลน์ เป็นแนวโน้มที่เปลี่ยนไปในการศึกษา
หรือการเรียนรู้แทน อีกทั้งได้ข้อสรุปจากอาจารย์
และนักวิชาการส่วนใหญ่ระบุแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนี้ว่า
“การเปลี่ยนแปลงแนวคิดด้านการศึกษาในศตวรรษที่ 21 (Changing Education Paradigms,
Ken Robinson, 2006 )” โดยมีข้อมูลที่ถูกตกผลึก
และพัฒนาออกมาในประเทศไทย โดยท่าน ศ. นพ.
วิจารณ์ พานิช (หนังสือวิถีสร้างการเรียนรู้ครูเพื่อศิษย์ในศตวรรษที่ 21)
ที่ตอกย้ำกับสายวิชาการในแง่ของแนวคิดที่ว่า สาระวิชาความรู้แม้จะมีความสำคัญ
แต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับการเรียนรู้เพื่อมีชีวิตในโลกยุคศตวรรษที่ 21
เพราะปัจจุบันการเรียนรู้สาระวิชา (Content หรือ Subject
Matter) ส่วนมากจะเป็นการเรียนรู้จากผู้เรียน หรือนักศึกษา
โดยการค้นคว้าเองผ่านสารสนเทศจำนวนมหาศาลบนโลกอินเทอร์เน็ตที่เป็นสื่อหลักที่แซงหน้าหนังสือ
และตำราไปแล้ว
การเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21 นี้
ครูหรืออาจารย์จะมีเพียงบทบาทในเชิงการช่วยแนะนำและออกแบบกิจกรรม
ไปจนถึงการสร้างเงื่อนไขที่จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถประเมินความก้าวหน้าของการเรียนรู้ของตนเองได้
ในรูปแบบการศึกษา
และนวัตกรรมการสอนก็มีหลากหลายรูปแบบแยกย่อยออกไปตามคุณลักษณะของผู้เรียนหรือนักศึกษา
อาจจะสรุปได้ว่า ผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 นั้น จะต้องมีทักษะเหล่านี้อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องทำการวิเคราะห์
Digital learning Launchpad เป็นการพัฒนาเป็นเว็บแอพลิเคชั่นที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรวบรวมและจัดทำสื่อการเรียนรู้ดิจิทัลในรูปแบบ
ข้อความ รูปภาพ และ Video Tutorial ที่ช่วยสนับสนุนการเรียน
การสอน มีเป้าหมายในการบริการที่สนับสนุนการเรียนรู้ของผู้ใช้บริการ
การออกแบบและพัฒนาอ้างอิงจากปัญหาและข้อคำถามที่ผู้ใช้บริการถามเข้ามาบ่อยครั้งจากช่องทางการสื่อสารต่าง
ๆ ได้แก่ e-mail, facebook, twitter, Line และ Live
Chat เป็นต้น Digital
learning Launchpad ประกอบด้วย 4 หัวข้อหลัก ได้แก่ Plagiarism
Checking Search Smarter Enhancing Research Impact และ Publication
ในแต่ละหัวข้อประกอบด้วย
การสรุปเนื้อหาสาระของสื่อการเรียนรู้แต่ละหัวข้อและสื่อดิจิทัลมัลติมีเดีย เช่น
รูปภาพ และ Video Tutorial เป็นต้น ซึ่งผลที่ได้จากการประยุกต์ใช้นวัตกรรมบริการนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการให้สามารถเข้าถึงและสามารถเรียนรู้ได้อย่างอิสระบนสภาพแวดล้อมที่เป็นดิจิทัล
มีความสะดวก รวดเร็ว และทันเวลา สามารถทบทวนความรู้และเทคนิคต่าง ๆ
ที่จะช่วยสนับสนุนการเรียน การสอนและการวิจัยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังช่วยลดขั้นตอนและเวลาในการให้บริการ
ช่วยให้บรรณารักษ์มีเวลาในการพัฒนาสมรรรถนะและขีดความสามารถของตนเองให้พร้อมออกให้บริการที่ตอบสนองต่อความต้องการและประสบการณ์ของผู้ใช้บริการที่มีความคาดหวังต่อตัวผู้ให้บริการที่สูงขึ้นในปัจจุบัน
รวมไปถึงสามารถสร้างสรรค์และพัฒนาการบริการใหม่ๆ
ในการให้บริการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj62uKeUxf43fbvnefvUVBE_hEGq05cwp4ugVKt2FYbNUXoe_A5hKc4Gn_kZfPI65IRGNt_dxuJjnL5n3C3dOcMCj4_rllSCjCkt0exHFHOX_2pjl96IRCvCPcJ52xMOYlE-NzwnNvljIc/s400/2.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhnVaWaej7ZeG4G0KNC7em-mhtE-aSjwHXnjgjoJJvDaDtluapYOjVshS9ggsgRD6oij2gb25i5UbFNVIVUiygPC0kwzqCF2tk2Om9pDM5vE63Y2UYL1b6PLysACMM9hyCDLavQlyfWO9I/s400/3.jpg)
สื่อการเรียนรู้ดิจิทัล
“ความคิด / สร้างสรรค์ / พลังงาน”
สื่อการเรียนรู้ดิจิทัลชิ้นแรกของศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ
(TCDC)
เกิดขึ้นจากโครงการ ”ความคิด / สร้างสรรค์ / พลังงาน”
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและเผยแพร่ความรู้และความเข้าใจกระบวนการคิดเชิงออกแบบ
(Design Thinking) ผ่านการเรียนรู้กระบวนการคิดเชิงออกแบบในหัวข้อพลังงาน
เพื่อให้การเข้าถึงและเข้าใจองค์ความรู้ดังกล่าวเป็นไปอย่างกว้างขวาง รวดเร็ว
มีประสิทธิภาพ และยั่งยืน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลก
ก็สามารถเข้าถึงองค์ความรู้ของศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบได้
สื่อการเรียนรู้ดิจิทัลนี้มุ่งเน้นเรื่องการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในชีวิตประจำวัน
ซึ่งเป็นไปได้มากกว่าการลดใช้พลังงานและการรณรงค์สร้างจิตสำนึก
โดยมีองค์ความรู้เรื่องกระบวนการคิดเชิงออกแบบ หรือ Design Thinking
เข้ามามีบทบาทสำคัญในฐานะเครื่องมือทางความรู้หนึ่งที่ช่วยผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ด้านพลังงาน
และเปิดโอกาสสู่การสร้างสรรค์บริการหรือนวัตกรรมใหม่ๆ
ที่เกิดจากความเข้าใจผู้ใช้งาน อันสอดคล้องกับความต้องการและวิถีการใช้ชีวิต
การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy
Efficiency) ไม่ได้หมายถึงการประหยัดพลังงาน (Energy Saving)แต่เป็นการลดค่าการใช้พลังงานลงโดยยังคงผลลัพธ์ให้ได้ที่เท่าเดิม
ไม่ว่าจะเป็นในเชิงปริมาณหรือคุณภาพ
กระบวนการคิดเชิงออกแบบจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในฐานะเครื่องมือในการคิดเพื่อแก้ไขปัญหา
ซึ่งจะนำไปสู่การคิดค้นนวัตกรรมและบริการใหม่ๆ
ที่ทำให้เกิดใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
บ่อยครั้งที่สิ่งที่ผู้ใช้พลังงานพูดไม่ใช่สิ่งที่คิด
และสิ่งที่คิดก็ไม่ใช่สิ่งที่ลงมือทำ เพื่อทำความเข้าใจทัศนคติ ความต้องการ
พฤติกรรม การรับรู้ และประสบการณ์การใช้พลังงานของผู้ใช้พลังงานภาคครัวเรือน
ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบจึงได้ใช้เครื่องมือการวิจัยเชิงออกแบบ (Design Research
Tools) เช่น การสังเกตการณ์ การสัมภาษณ์เชิงลึก ฯลฯ
เข้ามาสรุปเป็นความเข้าใจเชิงลึก (Insights) ที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงาน
และเพื่อเปลี่ยนความเข้าใจเชิงลึกเป็น
“โอกาส”
ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบจึงผลักดันให้เกิดการสรรหาและสร้างสรรค์ไอเดียการใช้พลังงานที่เหมาะสมกับผู้ใช้งาน
ที่มีศักยภาพทั้งในเชิงธุรกิจและในเชิงเทคโนโลยี
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiyy3OcenNfSuj1YiLgn7VMfrExpFqfHF-ob-BiQIlNujn_obPqH-FFyBiiB_4FfDzxYGS7uwj7h7TS4KPh42WlT0zUIVZ7CGxzwfJd1u5L8rGkUAnaXd_I4SgaSD0wMPrBHIBQWLijzCc/s400/4.jpg)
สภาพปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้สื่อดิจิทัลของครูผู้สอน
ขอยกตัวอย่างกรณีศึกษา
“การศึกษาสภาพปัญหาของการใช้ Learning Object คณิตศาสตร์ของ สสวท.
และความรู้สึกของครูคณิตศาสตร์ระดับประถมศึกษาในโรงเรียนสังกัดพื้นที่การศึกษาสมุทรปราการ
เขต 2 ที่มีต่อ Learning Object คณิตศาสตร์ของ สสวท.”
ซึ่งได้ทำการเก็บข้อมูลเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2552 จำนวน 90 ท่าน สรุปผลได้ดังนี้
1.
จำนวนครูผู้สอนประมาณครึ่งหนึ่งยังไม่รู้จัก Learning Object แต่เมื่อมีการแนะนำให้รู้จัก
Learning Object พบว่าครูมีความรู้สึกที่ดีต่อ Learning
Object คณิตศาสตร์ และจากการศึกษายังพบอีกด้วยว่าครูมีความสนใจและเห็นว่า
Learning Object คณิตศาสตร์มีประโยชน์ต่อการเรียนการสอนคณิตศาสตร์
ช่วยให้นักเรียนสนใจและสร้างความเข้าใจเนื้อหาที่มีความยุ่งยากซับซ้อนได้แต่การที่
Learning Object คณิตศาสตร์ยังไม่แพร่หลายเท่าที่ควร
น่าจะมาจากการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่สื่อ Learning Object ของ
สสวท. ยังไม่ดีพอ ครูขาดความมั่นใจในการใช้อุปกรณ์นำเสนอข้อมูล เช่น โปรเจคเตอร์
คอมพิวเตอร์ นอกจากนี้การขาดแคลนอุปกรณ์การนำเสนอข้อมูล เช่น โปรเจคเตอร์
คอมพิวเตอร์ ก็เป็นปัญหาต่อการใช้ Learning Object คณิตศาสตร์เช่นเดียวกัน
2. สำหรับด้านตัวสื่อ Learning Object
จากการศึกษาพบว่ามีปัญหาในระดับเล็กน้อยสาเหตุที่ครูยังมองว่ายังมีปัญหาน่าจะมาจากการที่สื่อยังไม่มีข้อแนะนำที่ชัดเจน
หรือขาดคู่มือการใช้งาน
ซึ่งยังเป็นข้อกังวลของครูที่คิดว่าถ้านำไปใช้แล้วจะเกิดปัญหาระหว่างการใช้งาน
ซึ่งอาจจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง
มีข้อสังเกตว่าครูซึ่งส่วนใหญ่เป็นครูที่มีประสบการณ์ในการสอนมากกว่า 5 ปีมองว่า Learning
Object ช่วยสร้างความสนใจในการเรียนคณิตศาสตร์ของนักเรียนได้ซึ่งสอดคล้องกับข้อดีของสื่อ
Learning Object ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อนักเรียนระดับประถมศึกษาที่ชื่นชอบเกมคอมพิวเตอร์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
3.
ด้านความพร้อมของวัสดุ/อุปกรณ์ จากการศึกษาพบว่ามีปัญหาในระดับปานกลาง ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่เป็นอุปสรรคต่อการใช้
Learning
Object เมื่อพิจารณาลงไปในรายละเอียดพบว่าข้อที่เป็นปัญหามากที่สุดคือความพร้อมของโปรเจคเตอร์และคอมพิวเตอร์สำหรับการนำเสนอข้อมูล
ซึ่งโรงเรียนสามารถหาแนวทางแก้ปัญหาได้ ไม่ว่าจัดหางบประมาณในการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์เหล่านี้ให้มีใช้อย่างเพียงพอ
หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างกระทรวงศึกษาธิการจัดหางบประมาณมาสนับสนุนให้โรงเรียนสามารถจัดซื้ออุปกรณ์เหล่านี้ได้เพื่อประโยชน์ในการจัดการเรียนการสอนที่นับวันสื่อ
ดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในการเรียนการสอนมากยิ่งขึ้น เพราะสะดวกและประหยัดเวลาในการจัดเตรียมสื่อและการสอนได้
4.
ด้านความพร้อมของครูในการใช้สื่อเทคโนโลยี จากการศึกษาพบว่ามีปัญหาในระดับปานกลาง
ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่เป็นอุปสรรคต่อการใช้ Learning Object เมื่อพิจารณาลงไปในรายละเอียดพบว่าข้อที่เป็นปัญหามากที่สุดคือความสามารถวางแผนการสอนคณิตศาสตร์ให้กับนักเรียนโดยใช้
Learning Object ซึ่งอยู่ในระดับปานกลางค่อนไปทางมีปัญหามาก
ซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอแนะของครูในเรื่องของความต้องการให้มีคู่มือการใช้งาน
ซึ่งในคู่มืออาจจะต้องมีตัวอย่างแผนการสอนคณิตศาสตร์ที่ใช้ Learning Object
ให้กับครูด้วย ลำดับถัดมาที่ควรพิจารณาคือความสามารถใช้สื่อเทคโนโลยีต่าง
ๆ เช่น โปรเจคเตอร์ และคอมพิวเตอร์เพื่อนำเสนอข้อมูลซึ่งถือว่ามีปัญหาระดับปานกลางค่อนไปทางมีปัญหามาก
ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องควรได้ตระหนัก ถึงแม้ว่าโรงเรียนจะมีความพร้อมในด้านอุปกรณ์เหล่านี้
แต่ถ้าครูยังมีปัญหาไม่สามารถใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้ได้ การส่งเสริมให้ครูใช้สื่อ Learning
Object ก็จะเกิดปัญหาเช่นเดียวกัน ดังนั้นผู้บริหารควร ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายโสตทัศนอุปกรณ์จัดอบรมการใช้อุปกรณ์แก่ครูในโรงเรียน
5. ความรู้สึกของครูที่มีต่อ Learning Object
คณิตศาสตร์ของครูผู้สอนสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสมุทรปราการ
เขต 2 อยู่ในระดับมาก ซึ่งถือว่าดีมากในการที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง สสวท.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสมุทรปราการ เขต 2 และโรงเรียนสังกัดเขตพื้นที่การศึกษาสมุทรปราการ
เขต 2 จะได้สนับสนุนและส่งเสริมให้ครูได้ใช้สื่อ Learning Object คณิตศาสตร์ในการเรียน
เพียงแต่หน่วยงานที่กล่าวมาข้างต้นจะจัดหาวัสดุ/อุปกรณ์ให้มีความพร้อม รวมทั้งจัดหาสื่อ
Learning Object คณิตศาสตร์พร้อมคู่มือการใช้งานแก่ครูผู้สอน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น