การตรวจสอบและทบทวน
ในการเขียนแผนจัดการเรียนรู้ขั้น การประเมินการเรียนรู้อิงมาตรฐาน ปฏิบัติการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยการเขียนระดับคุณภาพของผลการเรียนรู้ (rubrics) ซึ่งอาจใช้แนวทางการกำหนดระดับคุณภาพของสมรรถนะตามแนวคิด SOLO Taxonomny การเรียนรู้อย่างลุ่มลึก ไม่ใช่เรียนแบบผิวเผิน หรือแนวทางอื่นๆ
การกำหนดเกณฑ์การประเมินการเรียนรู้โดยใช้ The SOLO Taxonomy
เสนอโดย Biggs และ Collis โครงสร้างการสังเกตผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้ The
SOLO Taxonomy เป็นการจัดระดับเพื่อประโยชน์ในการแสดงคุณสมบัติเฉพาะในระดับต่างๆของคำถามและคำตอบที่คาดว่าจะได้รับจากผู้เรียน ซึ่งจะไม่เน้นที่ผลงานเท่านั้น
แต่ยังเน้นที่วิธีการเรียนรู้ด้วยโครงสร้างการสังเกตผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดย Biggs และ Collis ได้เสนอวิธีการดังนี้
1. กำหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้ที่ผู้เรียนปฏิบัติในบทเรียน
2. ประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนแต่ละคน
เมื่อเขียนวัตถุประสงค์การเรียนรู้ต้องมั่นใจว่าคำกริยาที่นำมาใช้เหมาะสมกับแต่ละระดับ
ระดับโครงสร้างพื้นฐาน
(Pre-structural) ไม่มีการจัดระเบียบข้อมูล ความหมายโดยรวมของข้อมูลยังไม่ปรากฎ
ระดับโครงสร้างเดี่ยว
(Uni-structural) เชื่อมโยงข้อมูลพื้นฐาน แต่ไม่แสเดงความหมายเกี่ยวโยงของข้อมูล
ระดับโครงสร้างหลากลหาย
(Multi-structural) มีการเชื่อมโยงข้อมูล แต่ความหมายของความสัมพันธ์ระหว่างความเกี่ยวโยงข้อมูลไม่ปรากฎ
ระดับความสัมพันธ์ของโครงสร้าง
(Relational
level) ผู้เรียนแสดงความสัมพันธ์ของความเกี่ยวโยงของข้อมูลและภาพรวมได้
ระดับแสดงความต่อเนื่องในโครงสร้างภาคขยาย
(Extended Abstract
Level) ผู้เรียนเชื่อมโยงข้อมูลนอกเหนือจากข้อมูลที่ได้รับ
สามารถสรุปและส่งผ่านความสำคัญและแนวคิดที่ซ่อนอยู่ภายใต้กรณีตัวอย่างได้
การกำหนดระดับคุณภาพของสมรรถนะตามแนวคิด SOLO Taxonomy เป็นการเรียนรู้อย่างลุ่มลึก
ไม่ใช่เรียนแบบผิวเผิน
SOLO 0: ไม่ถูกต้อง
ไม่ครบถ้วน ไม่สำเร็จ พลาด ล้มเหลว
SOLO 1: ระบุ บอกชื่อ
ปฏิบัติตามขั้นตอนง่าย ๆ
SOLO 2: รวมกัน อธิบาย
บรรยาย ยกตัวอย่าง เชื่อมโยง
SOLO 3: วิเคราะห์
ประยุกต์ อธิบายเหตุผล แสดงความสัมพันธ์
SOLO 4: สร้างสรรค์
สรุปอ้างอิง ตั้งสมมติฐาน สะท้อนทฤษฎี
โดย SOLO1 และ 2 สอดคล้องกับแนวคิดของบลูมในขั้นความรู้ ความเข้าใจ และนำไปใช้ (เชิงปริมาณ) และ SOLO3 และ 4
สอดคล้องกับแนวคิดของบลูมในขั้นวิเคราะห์ สังเคราะห์ และประเมินค่า (เชิงคุณภาพ)
SOLO : The Structure of Observed Learning Outcome คือ โครงสร้างการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้
Taxonomy มีความหมายเดียวกับคำว่า Classification คือ การจัดแบ่งประเภท แต่ Taxonomy นั้น
จะกล่าวถึง
หลักทางวิชาการที่ใช้เพื่อระบุประเภทของสิ่งมีชีวิตทางชีววิทยาที่มีลักษณะร่วมกันและทำการกำหนดชื่อให้กับกลุ่มสิ่งมีชีวิตนั้น
ๆ
หากกล่าวถึงการกำหนดระดับคุณภาพผลการเรียนรู้ของผู้เรียนผู้สอนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงเกณฑ์การกำหนดคุณภาพของ Bloom หรือ Bloom’s
Taxonomy ซึ่งหากศึกษาดูแล้วเราจะพบว่า Bloom’s
Taxonomy นั่นมีแนวโน้มที่จะถูกใช้โดยผู้สอนเสียเป็นส่วนมาก
แต่ถ้าหากการกำหนดระดับคุณภาพผลการเรียนรู้ของผู้เรียนนั้นมีผู้เรียนเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดด้วยแล้ว
หลักการที่จะต้องพูดถึงนั่นก็คือ SOLO Taxonomy ซึ่งเป็นการกำหนดระดับผลการเรียนรู้ของผู้เรียนโดยที่ไม่มุ่งเน้นเฉพาะแค่การสอนและการให้คะแนนจากผลงานแต่เพียงอย่างเดียว แต่เป็นกระบวนการประเมินผลที่ให้ความสำคัญว่า
ผู้เรียนมีวิธีการเรียนรู้อย่างไรและผู้สอนมีวิธีการอย่างไรที่ช่วยให้ผู้เรียนได้ใช้กระบวนการทางปัญญาที่มีความซับซ้อนและก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น
SOLO
Taxonomy หรือ The Structure of Observed Learning
Outcome Taxonomy
จึงเป็นแบบ (Model)
ที่ใช้ในการใช้ระบุ บรรยาย หรืออธิบาย
ระดับความเข้าใจอันซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นของผู้เรียนในสาระหรือรายวิชา
ซึ่งผู้เสนอแนวคิดนี้จนกลายเป็นที่นิยมคือJohn B. Biggs และ Kelvin
Collis (1982)
แบบของ SOLO Taxonomy ประกอบด้วยระดับความเข้าใจ 5 ระดับ ดังนี้
1. Pre-structural (ระดับโครงสร้างขั้นพื้นฐาน) คือ ในระดับนี้ผู้เรียนจะยังคงไม่เข้า
ใจจุดมุ่งหมายที่แท้จริง
และยังคงใช้วิธีการง่ายๆในการทำความเข้าใจสาระเนื้อหา
เช่น ผู้เรียนรับทราบแต่ยังคงพลาดประเด็นที่สำคัญ
2. Uni-structural (ระดับมุมมองเดียว) คือ การตอบสนองของผู้เรียนจะมุ่งไป
ที่มุมมองที่เกี่ยวข้องเพียงมุมมองเดียว เช่น สามารถระบุชื่อได้
จำได้ และทำตามคำสั่งง่ายๆได้
3. Multi-structural (ระดับหลายมุมมอง) คือ การตอบสนองของผู้เรียนจะมุ่งเน้นไปที่
หลายๆมุมมองโดยการปฏิบัติต่อผู้เรียนจะเป็นไปอย่างอิสระ เช่น
สามารถอธิบายได้
ยกตัวอย่างได้ หรืออาจเชื่อมโยงได้
4. Relational (ระดับเห็นความสัมพันธ์) คือ การบูรณาการความสัมพันธ์ต่างๆ
เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน เช่น ผู้เรียนสามารถวิเคราะห์ เปรียบเทียบ
ระบุความแตกต่าง แสดงความสัมพันธ์
อธิบายเชิงเหตุผล และ/หรือนำไปใช้ได้
5. Extended abstract (ระดับขยายนามธรรม) คือ จากขั้นบูรณาการเชื่อมโยง
ความสัมพันธ์เข้าด้วยกัน จากนั้นจึงมาสู่การสร้างเป็นแนวคิดนามธรรมขั้นสูง
หรือการสร้างทฤษฎีใหม่
เช่น การสร้างสรรค์ สะท้อนแนวคิด
สร้างทฤษฏีใหม่ เป็นต้น
แบบประเมินความสอดคล้ององค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้
คำชี้แจง โปรดทำเครื่องหมาย / ลงในช่องที่ตรงกับความคิดเห็นของท่าน
ข้อที่
|
รายการประเมิน
|
สอดคล้อง
(1) |
ไม่แน่ใจ
(0) |
ไม่สอดคล้อง
(-1) |
|
1
|
การเขียนสาระสำคัญมีความสัมพันธ์สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้
|
||||
2
|
จุดประสงค์การเรียนรู้มีความสอดคล้องสัมพันธ์กับสาระ การเรียนรู้
|
||||
3
|
หลักฐานการเรียนรู้มีความสัมพันธ์
สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้/กิจกรรมการเรียนรู้
|
||||
4
|
วิธีการวัดผลประเมินผลมีความสัมพันธ์กับจุดประสงค์ การเรียนรู้
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสมรรถนะที่สำคัญของผู้เรียน
|
||||
5
|
เครื่องมือวัดผลประเมินผล
มีความสัมพันธ์กับจุดประสงค์การเรียนรู้ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ และสมรรถนะที่สำคัญของผู้เรียน
|
||||
6
|
กิจกรรมการเรียนรู้มีความสัมพันธ์สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ ทักษะ/กระบวนการคุณลักษณะอันพึงประสงค์
และสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน
|
||||
7
|
สื่อ/อุปกรณ์/แหล่งเรียนรู้
มีความสัมพันธ์สอดคล้องกับกิจกรรมการเรียนรู้
|
||||
เกณฑ์การประเมิน
ความเหมาะสมของแผนการจัดการเรียนรู้
|
ความสอดคล้องของแผนการจัดการเรียนรู้
|
คะแนนระหว่าง 1 – 3 ระดับคุณภาพต้องปรับปรุง
|
ค่าความสอดคล้องต้องมีค่าตั้งแต่ 0.50 ขึ้นไป
|
คะแนนระหว่าง 4 – 7 ระดับคุณภาพ
พอใช้
|
|
คะแนนระหว่าง 8 – 10 ระดับคุณภาพ
ดี
|