วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2562

การออกแบบการเรียนการสอนที่เป็นสากล (Universal Design for Instruction )


การออกแบบการเรียนการสอนที่เป็นสากล (Universal Design for Instruction )

          U : การออกแบบการเรียนการสอนที่เป็นสากล (Universal Design for Instruction UDI) เป็นการออกแบบการสอนที่ผู้สอนมีบทบาทเป็นผู้ดําเนินการเชิงรุก (proactive - การกระทําโดยไม่ต้องมีสิ่งใดมากระตุ้น)  เกี่ยวกับการผลิตและหรือจัดหาจัดทําหรือชี้แนะผลิตภัณฑ์การศึกษา (educational products (computers, websites, software, textbooks, and lab equipment) และสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ (dormitories, classrooms, student unicorn buildings, libraries, and distance learning courses). ที่จะระบุถึงในทุกขั้นตอนของการเรียนการสอน
          การออกแบบการเรียนการสอนนําความรู้จากหลายสาขาวิชามาประยุกต์เข้าด้วยกันเป็นขั้นตอน กระบวนการเชิงระบบเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน โดยพื้นฐานแล้ววิธีการเชิงระบบกําหนดให้ต้องระบุว่า จะเรียนอะไร วางแผนการสอนว่าจะยอมให้การเรียนรู้อะไรเกิดขึ้น วัดผลการเรียนรู้เพื่อตัดสินว่า การเรียนรู้ นั้นบรรลุตามจุดประสงค์หรือไม่และกลั่นกรองตัวสอดแทรก (intervention) จนกระทั่งบรรลุจุดประสงค์ จาก ลักษณะนี้เองจึงทําให้เกิดแบบจําลองการออกแบบการเรียนการสอนทั่วไป (generic Instruction Design model : ID model) ขึ้น (Gibbons 1981 : 5, Hannum and Hansen, 1989)
          เกี่ยวกับระบบการเรียนการสอนนี้ แฮนนัมและบริกส์ (Hannum and Briggs) ได้เปรียบเทียบการ เรียนการสอนแบบดั้งเดิม และการเรียนการสอนเชิงระบบ ดังรายละเอียดในตารางที่ 11
          ในการออกแบบการเรียนการสอน กระบวนการมีความสําคัญพอๆ กับผลิตผล เพราะว่าความ เชื่อมั่นในผลิตผลจะขึ้นอยู่กับกระบวนการ ในการที่จะมีความเชื่อมั่นในผลิตผล ต้องดําเนินตามขั้นตอนของ แบบจําลองการออกแบบการเรียนการสอน สําหรับในแต่ละขั้นตอนนั้น ลําดับขั้นตอนของแบบจําลองการ ออกแบบการเรียนการสอน สําหรับในแต่ละขั้นตอนนั้น ลําดับขั้นของภาระงานจะต้องแสดงออกมา และผลที่ ได้รับที่มีความเฉพาะเป็นพิเศษก็จะเกิดขึ้นดังรายละเอียดในตารางที่ 11
          บทบาทของผู้ออกแบบการเรียนการสอน (designer's role) สามารถเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ นําเสนอว่าต้องอาศัยเทคนิค หรือไม่ต้องอาศัยเทคนิค และขึ้นอยู่กับส่วนประกอบของทีมการออกแบบ เนื้อหาที่ต้องใช้เทคนิคสูง ผู้ออกแบบจําเป็นต้องให้คําแนะนําในการออกแบบกับผู้ชํานาญการด้านเนื้อหา (content expert) ถ้าเนื้อหานั้นไม่ต้องใช้เทคนิคที่สูงมากจนเกินไป ผู้ออกแบบก็สามารถจัดทําได้อย่างอิสระ มากขึ้นด้วยความช่วยเหลือของผู้ชํานาญการด้านเนื้อหา ผู้ออกแบบสามารถที่จะทํางานเป็นผู้ให้คําปรึกษาจาก ภายนอก และรับผิดชอบภาระงานทั้งหมด เหมือนกับเป็นคนในสํานักงาน (in-house employers) ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากผู้ชํานาญการด้านเนื้อหา บทบาทของผู้ออกแบบสามารถมีได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับ ความสัมพันธ์ที่มีต่อผู้ชํานาญการด้านเนื้อหา บทบาทของผู้ออกแบบสามารถมีได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับ ความสัมพันธ์ที่มีต่อผู้ชํานาญการด้านเนื้อหาวิชา ดังตัวอย่างทั้งสาม (Seels and Glasgow, 1990 : 7-9) คือ
          1. ผู้ชํานาญการด้านเนื้อหาและมีสมรรถภาพในการออกแบบการเรียนการสอนและเทคโนโลยี และเป็นผู้ที่รู้บทบาทของการออกแบบด้วย ไม่จําเป็นต้องอาศัยความช่วยเหลือด้านความรู้ ความชํานาญทาง เนื้อหาวิชา
          2 ผู้ออกแบบการเรียนการสอน ที่ได้รับการร้องขอให้ทํางานในด้านเนื้อหาที่อาจจะมี ความคุ้นเคย แต่ผู้ออกแบบยังคงรู้สึกมีความจําเป็นที่จะทํางานกับผู้ชํานาญการด้านเนื้อหา
          3. ผู้ออกแบบอาจจะได้รับการร้องขอให้พัฒนาหรือวิจัยในด้านเนื้อหาที่ไม่มีความคุ้นเคย ดังนั้นจึงจําเป็นต้องเลือกและทํางานกับผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาจํานวนมาก

ตารางที่ 11 เปรียบเทียบการเรียนการสอนแบบดั้งเดิมกับการเรียนการสอนเชิงระบบ
องค์ประกอบของการเรียน การเรียนการสอน
การเรียนการสอน
แบบดั้งเดิม
การเรียนการสอน การสอน
เชิงระบบ
1. กําหนดเป้าประสงค์(Setting goals)
*ตําราหลักสูตรดั้งเดิมการอ้างอิง 
  ภายใน
*การประเมินความต้องการจําเป็น
*การวิเคราะห์งาน
*การอ้างอิงภายนอก
2. จุดประสงค์ (Objectives)
*กล่าวในรูปของผลที่ได้รับรวมๆ
  หรือการปฏิบัติของครู
*เหมือนกันสําหรับนักเรียนทุกคน
*จากการประเมินความต้องการจําเป็นการวิเคราะห์/การประเมินงาน
*เลือกด้วยการพิจารณาจาก
*ความสามารถของผู้เรียนเมื่อแรกเข้าเรียน
3.จุดประสงค์ในความรู้ เฉพาะของผู้เรียน (Student's knowledge of objectives)
*ไม่ได้รับการบอกกล่าวล่วงหน้า
  ต้องใช้สัญญาณจากการฟังคำ
  บรรยายและการอ่านตํารา
*บอกกล่าวอย่างเฉพาะเจาะจงเป็นพิเศษ ล่วงหน้าก่อนเรียน
4.ความสามารถก่อนเข้าเรียน (Entering capability
*ไม่ต้องใส่ใจ นักเรียนทุกคนมี 
  จุดประสงค์และวัสดุอุปกรณ์/
  กิจกรรมเหมือนกันหมด
*การพิจารณา
*การกําหนดวัสดุอุปกรณ์/กิจกรรมแตกต่างกัน
5. ผลสัมฤทธิ์ที่คาดหวัง
(Expected achievement)
*ใช้โค้งมาตรฐาน
*มีความเป็นแบบอย่างเดียวกันสูง
6.ความรอบรู้ (Mastery)
*นักเรียนส่วนน้อยรอบรู้
  จุดประสงค์ทั้งหมด
*รูปแบบผิดพลาด
*นักเรียนส่วนใหญ่รอบรู้จุดประสงค์
  ทั้งหมด
7.ระดับและการเลื่อน
ระดับ (Grading and promotion)
*อยู่บนพื้นฐานการเปรียบเทียบ
  กับนักเรียนคนอื่นๆ
*อยู่บนพื้นฐานการรอบรู้จุดประสงค์
8. การสอนเสริม
(Remediation)
*บ่อยครั้งที่ไม่มีการวางแผน 
*ไม่มีการเปลี่ยนแปลง 
  จุดประสงค์หรือวิธีการเรียน
  การสอน
*วางแผนสําหรับนักเรียนที่ต้องการ
  ความช่วยเหลือแสวงหาจุดประสงค์
  อื่นๆ เลือก วิธีการเรียนการสอน
9. การใช้แบบทคสอบ
*กําหนดค่าระคับ
*เฝ้าระวังติดตามความก้าวหน้าของ
  ผู้เรียน
*ตัดสินความรอบรู้ 
*วินิจฉัยความยากลําบาก
*ปรับปรุงการเรียนการสอน
10. เวลาศึกษากับความรอบ (Stidy time vs mastery)
*เวลาคงที่ : ระดับของความรอบ
  รู้หลากหลาย แตกต่างกัน
*ความรอบรู้คงที่ :เวลาหลากหลาย
  แตกต่างกัน
11.การตีความของความ ล้มเหลวที่จะไปให้ถึงความรู้
(Interpretation of failure to
reach mastery)
*นักเรียนผู้ส่งสาร
*ความการต้องการจำเป็นที่จะต้อง
  ปรับปรุงการเรียนการสอน
12. การพัฒนารายวิชา (Course of development)
*เลือกวัสดุอุปกรณ์ก่อน
*ระบุจุดประสงค์ก่อนแล้วจึงจะ 
  เลือกวัสดุอุปกรณ์
13. ลําดับขั้นตอน (Sequence)
*อยู่บนพื้นฐานของเหตุผลและ 
  สังเขปหัวเรื่อง
*อยู่บนพื้นฐานของสิ่งที่ต้องรู้ก่อน 
  ตามความจําเป็น และหลักการของ
  การเรียนรู้
14. การปรับปรุงการเรียน
การสอนและวัสดุอุปกรณ์ (Revision of instructional and materials)
*อยู่บนพื้นฐานของการคาดแคา 
  งาน หรือความเพียงพอ
*วัสดุอุปกรณ์ใหม่
*เกิดขึ้นเปนพักๆ
*อยู่บนพื้นฐานของการประเมิน
  ข้อมูล
*เกิดขึ้นเป็นประจํา 
15. กลยุทธ์การเรียนการสอน
(Instructional Strategies)
*พอใจให้ผ่านได้อย่างกว้างๆ
*อยู่บนพื้นฐานของความชอบ
  และความคล้ายคลึง
*เลือกที่จะให้ได้รับตามจุดประสงค์
*ใช้กลยุทธวิธีที่หลากหลาย
*อยู่บนพื้นฐานของทฤษฎีและวิจัย
16. การประเมินผล(Evaluation)
*บ่อยครั้งที่ไม่เกิดขึ้น: การการ
  วางแผนเป็นระบบน้อย
*ประเมินแบบอิงกลุ่ม ข้อมูลได้
  จากปัจจัยนําเข้า และ
  กระบวนการ
*การวางแผนเป็นระบบ : เกิดขึ้น
  ประจํา
*ประเมินความรอบรู้ตามจุดประสงค์
*ประเมินผลอิงเกณฑ์ข้อมูลได้จากผล
  ที่ได้รับ (ผลผลิต)
ที่มา  : W.H. Hannum  and leslirj. Briggs, "How does Instructional Systems Design Differ from Traditional Instruction,"Educational Technology 22:12-13. 1982                                          

ตารางที่ 12 งานและผลผลิตของกระบวนการออกแบบการเรียนการสอน
ขั้นตอนและภาระ
ตัวอย่างภาระงาน
ตัวอย่างผลผลิต
การวิเคราะห์-กระบวนการของ การนิยามว่าต้องเรียนอะไร
*ประเมินความต้องการจําเป็น 
*ระบุปัญหา
*วิเคราะห์ภาระงาน 
*แฟ้มผู้เรียน 
*การพรรณนาข้อจํากัด 
*คำกล่าวของความต้องการจําเป็น
  และปัญหา
*การวิเคราะห์ภาระงาน
การออกแบบ-กระบวนการของ 
การชี้เฉพาะว่าจะเรียน
*เขียนจุดประสงค์
*พัฒนารายการของแบบทดสอบ
*วางแผนการเรียนการสอน
*ระบุแหล่งทรัพยากร
*จุดประสงค์ที่วัดได้กลุทธ์การเรียน
  การสอน
*ลักษณะเฉพาะของตัวแบบ
  (prototype specification)
การพัฒนา-กระบวนการของ
*ทํางานกับผู้ผลิต
*สคอร์บอร์ค (story board)
หน้าที่และผลิตวัสดุอุปกรณ์
*พัฒนาคู่มือ แผนภูมิ โปรแกรม
*สคริป
*แบบฝึกหัด
*คอมพิวเตอร์ช่วยการรัยนการสอน
การนำไปใช้-กระบวนการของการก่อตั้งโครงการบริษัทแห่งโลกความจริง
*การฝึกอบรมครู
*การทดลอง
*การใช้ความเห็นของนักเรียนข้อมูล
การประเมิน-กระบวนการของการตกลงใจเกี่ยวกับความเห็นผลผลของการเรียนการสอน
*บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับเวลา
*ผลการแปลความแบบทดสอบ
*สำรวจผู้สำเร็จการศึกา
*ทบทวนกิจกรรม
*คำรับรอง (recormmendation)
*รายงานโครงการ
*ทบทวนตัวแบบ
ที่มา : Barbara Seels,and Zita Glasgow,Exercises in instrucnal (Columbus, Ohio : Merrill Publoshing Company, 1990), p.8.

          นับว่าเป็นเรื่องสําคัญด้วยเหมือนกัน ที่จะให้ความแตกต่างระหว่างบทบาทของผู้วิจัยและผู้ปฏิบัติ เพราะว่าข้อกําหนดในความสําเร็จของทั้งสองส่วนนี้มีความแตกต่างกัน ผู้ที่เป็นนักวิจัยสนใจในแต่ละขั้นตอน ของรูปแบบทั่วไป ดังนั้น ความสนใจและเป้าประสงค์ของผู้ปฏิบัติ (ID practitioner) จึงแตกต่างออกไป ความสนใจและเป้าประสงค์ที่แตกต่างกัน ดังแสดงไว้ในตารางที่ 3
          ผู้ออกแบบที่เป็นนักปฏิบัติ สามารถแสดงออกในแต่ละขั้นตอนจากการวิเคราะห์ไปจนถึงการ ทดลอง ขึ้นอยู่กับว่าจะพรรณนางานว่าอย่างไร ถ้างานของผู้ออกแบบระบุไว้อย่างแคบๆ แล้วผู้ออกแบบแสดง เพียงสองถึงสามขั้นตอนเท่านั้น โดยละทิ้งขั้นตอนที่เป็นผลิตผล การนําไปใช้ และการประเมินผล
          นักวิจัยการออกแบบการเรียนการสอน (ID remember) หรือผู้เชี่ยวชาญ (specialist) สนใจศึกษาตัว แปรและพัฒนาทฤษฎีที่สัมพันธ์กับการเรียนการสอน นักปฏิบัติการออกแบบการเรียนสอน (ID practitioner or generation) สนใจการประยุกต์งานวิจัย และทฤษฎีการพัฒนาการเรียนการสอนและวัสดุอุปกรณ์ บทบาท อื่นๆ ของผู้วิจัยการออกแบบการเรียนการสอนดังแสดงไว้ในตารางที่ 3 ส่วนบทบาทของผู้ปฏิบัติการ ออกแบบการเรียนการสอนดังแสดงในตารางที่ 13
          สาขาวิชาการออกแบบการเรียนการสอน มีอายุประมาณ 30 ปี เป็นบทบาทของนักวิจัยที่จะส่งเสริม ความงอกงามในทฤษฎีของการออกแบบการเรียนการสอน และเนื่องจากว่าการออกแบบการเรียนการสอน เป็นสาขาวิชาประยุกต์ บทบาทของนักวิจัยจึงอาจดูเหมือนว่าแยกตัวออกไปตามลําพังและมีความสําคัญน้อย
สิ่งดังกล่าวนี้ ไม่เป็นความจริง เพราะถ้าปราศจากกระบวนการทางทฤษฎีแล้ว สาขาวิชาก็จะเฉื่อยชาอยู่กับที่ ความมุ่งหมายของนักออกแบบการเรียนการสอน คือ ความจําเป็นที่จะต้องรู้ว่าตนสามารถที่จะก้าวไกลได้ใน หนทางแห่งอาชีพของตนเอง ถ้ารับรู้วิธีการวิจัยที่เหมาะสมในแต่ละขั้นตอน (Seels and Glasgow, 19990 : 10)
          งานของผู้ปฏิบัติการออกแบบการเรียนการสอนอาจจะหลากหลายในความต้องการด้านความรู้ ความชํานาญ ผลิตผลที่ได้และสถานการณ์ของงาน ผู้ปฏิบัติการออกแบบการเรียนการสอนอาจจะวิเคราะห์ ภาระงานภายใต้การนิเทศของผู้จัดการโครงการในองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและการพัฒนา ผู้จัดการ โครงการอาจจะนําทีมซึ่งพัฒนาการประชุมเชิงปฏิบัติการสามวันสําหรับการอุตสาหกรรม (three-day หลังhon) การออกแบบไม่จําเป็นต้องเป็นทีมเสมอไป ในองค์กรเล็กๆ อาจจะใช้ผู้ออกแบบเพียงคนเดียว ใน การทําภาระการออกแบบการเรียนการสอน

ตารางที่ 13 เปรียบเทียบความสนใจและเป้าประสงค์ของผู้วิจัยและผู้ปฏิบัติ
แบบจําลองการออกแบบ
การเรียนการสอนทั่วไป
บทบาทของผู้วิจัย
บทบาทผู้ปฏิบัติ
ขั้นที่ 1 การวิเคราะห์



ขั้นที่ 2 การออกแบบ


ขั้นที่ 3 การพัฒนา

ขั้นที่ 4 การนำไปใช้

ขั้นที่ 5 ประเมินผล
*ศึกษาวิธีการระบุปัญหา 
*ศึกษาผลของคุณลักษณะของ 
*ผู้เรียน
*ศึกษาเนื้อหา
*ศึกษาตัวแปรในการออกแบบข่าวสาร
*พัฒนากลวิธีการเรียนการสอน
*ศึกษากระบวนการของทีม

*ศึกษาชาติวงศ์วรรณาของตัวแปร
  ในสิ่งแวดล้อม
*การระบุตัวแปรของการนำไปใช้
  ให้ได้ผล
*ศึกษาข้อถกเถียงที่นำไปสู่การ
  ประเมินผล
*ประยุกต์ใช้วิธีการระบุปัญหา 
*กําหนดคุณลักษณะของผู้เรียน 
*ใช้การวิจัยในเนื้อหาตามสาขาวิชา

*ให้ผู้ปฏิบัติเป็นผู้ออกแบบการเรียนการสอน

*ทำงานกับผู้ผลิตในการพัฒนาสคริป
*ออกแบบและจัดการสิ่งแวดล้อมและ
*ตัวแปรในการเรียนการสอน



*ประยุกต์ทฤษฎีการประเมินผล
          ที่มา : Barbara Seels,and Zita Glasgow,Exercises in instrucnal (Columbus, Ohio : Merrill Publoshing Company, 1990), p.8.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น